หนึ่งในความสำคัญของการวิเคราะห์ก่อนซื้อเพชร คือ กะรัตที่ถือเป็น C ตัวแรกภายในข้อกำหนด 4C ที่จะช่วยทำให้คุณเลือกซื้อเพชรได้อย่างมั่นใจ ซึ่งกะรัตนั้นถือเป็นหน่วยในการวัดระดับของน้ำหนักอัญมณีต่าง ๆ เช่น เพชร, บุษราคัม, ทับทิม และโกเมน เป็นต้น ถือเป็นหน่วยวัดอัญมณีที่เป็นสากลและได้รับความแพร่หลาย ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกใช้กะรัตเป็นหนึ่งในตัววัดน้ำหนักเพชรที่เหมือนกันทั้งหมด
กะรัตเพชรคืออะไร?
กะรัตถูกนับให้เป็นหนึ่งในหน่วยวัดอัญมณีที่ได้รับความนิยมอย่างเป็นสากลทั่วโลก ทำให้ทุกประเทศจะมีการวัดน้ำหนักด้วยค่าของกะรัตเป็นส่วนใหญ่ โดยจะถูกกำหนดให้ใช้กับหน่วยการชั่งตวงอัญมณี หนึ่งในนั้น คือ เพชร เพื่อกำหนดมาตรฐานของน้ำหนักให้เป็นสากลอย่างเท่าเทียมกัน ถ้ามีการเทียบกับระบบเมตริกแล้ว เพชร 1 กะรัต จะมีน้ำหนัก 0.2 กรัม และถ้าเป็นความบริสุทธิ์ของทองคำจะถูกเรียกว่าทองคำ 24 กะรัต ที่จะหมายถึงค่าความบริสุทธิ์ 99.99 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย แต่การวัดน้ำหนักนั้นมักจะมีเลขหลังจุดทศนิยมติดมาด้วย ซึ่งจะไม่เรียกว่า “กะรัต” แต่จะเรียกเป็น “ตัง” หรือ Pointer
ดังนั้นถ้าเปรียบเทียบน้ำหนักอย่างชัดเจนแล้ว 1 กะรัตจะเท่ากับน้ำหนัก 100 ตัง ซึ่งถ้ามีการชั่งน้ำหนักเพชรของคุณแล้วปรากฏว่ามีน้ำหนัก 0.56 กะรัต จะหมายถึงน้ำหนัก 56 ตังนั่นเอง การชั่งน้ำหนักในสมัยโบราณที่ยังไม่มีตราชั่งวัดตวงดิจิตอลที่มีความแม่นยำสูงแบบในปัจจุบัน ได้มีการใช้เมล็ดแครอบ (Carob Seed) มาเป็นตัวช่วย ซึ่งภายในแต่ละเมล็ดจะมีน้ำหนักเท่าเทียมกันทั้งหมด จึงได้นำเมล็ดของต้นแครอบมาเป็นมาตรฐานของการวัดน้ำหนักเพชร โดยจะเป็นการตีความจากตาชั่ง 2 ข้างหรือตาชั่งยุคโบราณ ที่ข้างหนึ่งจะเป็นเมล็ดของแครอบในน้ำหนัก 0.2 กรัม แล้วอีกข้างของตาชั่งจะเป็นการนำเม็ดเพชรมาวัด และให้สองข้างค่อย ๆ มีระดับเท่ากัน จึงจะรู้ได้ว่าน้ำหนักของเพชรเม็ดนั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าวิธีนี้มีความคลาดเคลื่อนมากพอสมควร
กะรัตมีความสำคัญอย่างไรต่อการซื้อเพชร
กะรัตถือเป็นหนึ่งในมาตรฐานสากลของการดูเพชร และเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม 4C ที่จะช่วยทำให้คุณได้รู้ว่าเป็นเพชรแท้หรือไม่? และช่วยให้คุณซื้อเพชรได้อย่างคุ้มค่า พร้อมทำให้การตัดสินใจซื้อเพชรเป็นไปอย่างถูกต้องที่สุด ดังนั้นลองมาดูว่ากะรัตมีความสำคัญอย่างไรต่อการซื้อเพชรของคุณ ดังนี้
1.ช่วยตรวจสอบการเจียระไน
การเจียระไนมักจะส่งผลโดยตรงกับค่ากะรัตของเพชร ดังนั้นกะรัตจึงเป็นหนึ่งในตัวช่วยบ่งบอกถึงการเจียระไนว่าดีหรือไม่? ได้ค่อนข้างชัดเจนโดยเฉพาะการเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสรหรือ Round Brilliant Cut ถ้ามีการเจียระไนที่ไม่ละเอียดและไม่ดีเพียงพอ จะมีปัญหาเรื่องก้นเพชรลึกเกินไปและขอบของเพชรอาจจะหนาไม่ตรงตามมาตรฐาน น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นทันที ดังนั้นถ้าชั่งน้ำหนักเพชรแล้ว กะรัตถูกตีออกมาน้ำหนักสูงเกินกว่ามาตรฐานสากลถูกกำหนดไว้ นั่นหมายความว่าการเจียระไนลักษณะนั้น ๆ ไม่สมบูรณ์แบบ
2.บ่งบอกขนาดเพชรที่ชัดเจน
การชั่งน้ำหนักแล้วมีหน่วยวัดออกมาเป็นกะรัต จะไม่สามารถนำมาเทียบกับขนาดของเพชรได้ เพราะจะมีปัจจัยหลายเรื่องที่จะทำให้ขนาดกับน้ำหนักแตกต่างกัน เช่น รูปแบบการเจียระไนและตำหนิภายในเพชร เป็นต้น ดังนั้นอัตราการเพิ่มขึ้นของขนาดเพชรจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อน้ำหนัก ซึ่งถ้ามีผู้นำเพชรมาขายแล้วมีขนาดใหญ่ จะไม่สามารถตีออกมาได้ว่าขนาดที่วัดมานั้นจะคูณ 2 แล้วกลายเป็นน้ำหนักจริง เพราะน้ำหนักกับขนาดจะไม่สัมพันธ์กัน ดังนั้นน้ำหนักที่แท้จริงของเพชรจะขึ้นมาได้เพียงแค่ 30% ก่อนซื้อจึงต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องของน้ำหนัก ขนาด และรูปแบบการเจียระไนอย่างครบถ้วน
3.ทำให้เห็นราคาเพชรที่เหมาะสม
ปัจจัยราคาเพชรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าขนาดของกะรัตจะมากกว่ากัน แต่จะขึ้นอยู่กับเพชรที่ถูกค้นพบ โดยเพชรดิบขนาดใหญ่จะมีมูลค่าที่สูงมาก เพราะมีคุณภาพดีและหาได้ยาก ดังนั้นทำให้เพชรในกะรัตเดียวกันอาจจะมีราคาที่แตกต่างกันได้ ถ้าเทียบเท่ากับเพชรดิบขนาดใหญ่ในกะรัตเท่ากัน แต่มาจากผลึกเพชรดิบที่มีขนาดเล็ก ราคาจะต่างกันพอสมควร เนื่องมาจากคุณภาพของผลึกขนาดเล็กจะมีน้อยกว่า
ถ้าคุณกำลังต้องการจะซื้อเพชร ขอแนะนำวิธีการตรวจสอบเพชรแบบ 4C ที่หนึ่งในนั้นจะมีการวัดน้ำหนักของเพชรในแบบกะรัต ที่จะทำให้คุณสามารถมั่นใจต่อการซื้อเพชรจริงได้มากขึ้น เพราะกะรัตเพชรจะเป็นตัวช่วยวัดในด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องของขนาด น้ำหนัก และราคาอย่างครบถ้วน