แนะนำการเลือกเพชรสีเหลือง

หนึ่งในเกรดเพชรที่มีคนให้ความสนใจไม่น้อย คือ เพชรสีเหลือง โดยเป็นเพชรในกลุ่มเดียวกันกับเพชรสีขาว แต่มีเกรด รองลงมา เพราะไม่ใช่เพชรที่มีความใส แต่จะมีคาร์บอนอยู่ภายใน เมื่อเกิดความร้อนหรือมีสารเคมีอื่นเจือปน สีของเพชรจะแตกต่างออกไปมากขึ้น เช่น เพชรสีเหลืองอ่อนไปจนถึงเหลืองเข้ม คือ การบ่งบอกถึงการมีไนโตรเจนผสมอยู่ภายในเนื้อเพชรเป็นจำนวนมาก ส่วนเพชรสีน้ำเงินจะมีการปนเปื้อนของ Titanium หรือเหล็ก, เพชรสีแดงอาจจะเป็นโครเมียม, เพชรสีชมพูเกิดขึ้นจากโครงสร้างของเพชรเอง และเพชรสีเขียวอาจจะเกิดจากการได้รับรังสีบางชนิด เป็นต้น

วิธีการเลือกเพชรสีเหลืองแท้ คุณภาพเยี่ยม

ถ้าคุณสนใจการเลือกซื้อเพชรสีเหลืองแท้ที่มีคุณภาพเยี่ยม เมื่อนำไปทำเครื่องประดับแล้วสามารถส่องแสงแวววับได้อย่างโดดเด่นและไม่โดนหลอกขาย ขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อดังต่อไปนี้

1.การตรวจสอบใบเซอร์

การตรวจสอบจากใบเซอร์หรือใบรับรองเพชรจากผู้ตรวจสอบที่ได้มาตรฐานและมีชื่อเสียง สามารถไว้วางใจได้ จะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้คุณสามารถซื้อ-ขายเพชรได้อย่างมั่นใจ เพราะการจะออกใบเซอร์ได้นั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบจากผู้ที่มีความชำนาญด้านการดูเพชรมาโดยเฉพาะ ใช้วิธีการตรวจสอบที่ถูกต้องและไม่ก่อให้เกิดผลเสียใด ๆ ต่อเพชร ซึ่งภายในใบเซอร์จะมีการระบุถึงเกรดของเพชร, สี, รูปร่างลักษณะ, ตำหนิ, น้ำหนัก และทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับเพชรไว้อย่างครบถ้วน ดังนั้นการได้รับใบเซอร์จึงไม่ใช่เพียงแค่การตรวจสอบว่าเป็นเพชรจริงหรือไม่ แต่ยังช่วยให้ขายเพชรได้เร็วและได้ราคาดีอีกด้วย

2.การตรวจสอบน้ำหนัก

น้ำหนักของเพชรถือว่าเป็นส่วนสำคัญของการตรวจสอบแบบเบื้องต้น เพราะไม่ว่าจะเป็นเพชรสีขาวสว่างใส, เพชรสีเหลือง หรือเพชรสีอื่น ๆ ที่ถูกเจือปนจากสารเคมี จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือปริมาณของน้ำหนัก ถ้าเป็นเพชรปลอมจะมีน้ำหนักที่มากกว่าเพชรจริงประมาณครึ่งเท่าไปจนถึง 1 เท่า เพราะเพชรปลอมจะถูกทำมาจากวัสดุอื่นที่มีน้ำหนักมากกว่า  ดังนั้นถ้าคุณต้องการวิธีดูเพชรเบื้องต้นว่าเป็นของจริงหรือไม่? ให้คุณนำมาทดสอบด้วยการชั่งน้ำหนักเทียบกับเพชรจริงก็จะรู้ได้ทันที!

3.การทดสอบด้วย Loupe

การทดสอบด้วยการใช้ Loupe เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีการนำมาใช้เพื่อดูเพชรแท้และปลอมมากพอสมควร โดย Loupe นั้นคือกล้องแบบส่องขยายที่จะทำให้เห็นเหลี่ยมของการเจียระไน หรือตำหนิภายในที่ชัดเจนมาก โดยเพชรแท้จะแสดงให้เห็นถึงเหลี่ยมที่มีความเฉียบและความคม พร้อมไปด้วยตำหนิตามธรรมชาติ จะไม่มีแม้แต่รอยขูดขีดใด ๆ แต่เพชรปลอมจะมีเหลี่ยมที่ไม่คมและทำให้เห็นชัดเจนว่ามีรอยขีดข่วนอยู่บนเนื้อเพชรจำนวนมาก ที่สำคัญคือมุมของการเจียระไนเพชรแท้กับเพชรปลอมจะต่างกันอีกด้วย

4.การใช้เครื่องตรวจสอบ

ปัจจุบันมีการผลิตเครื่องสำหรับตรวจเพชรไว้โดยเฉพาะ จะเป็นการใช้ความร้อนตรวจสอบเม็ดเพชรและดูเรื่องค่าดัชนีหักเหของแสงเพชร โดยจะเป็นเครื่องตรวจจับที่ถูกทำขึ้นเพื่อแยกเพชรอย่างชัดเจน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะนำมาเพื่อตรวจสอบเพชรแท้ให้แยกออกจากเพชรปลอมที่ถูกทำจากโลหะอื่น ๆ เท่านั้น เพราะเครื่องนี้ยังไม่สามารถแยกเพชรแท้จากธรรมชาติกับเพชรสังเคราะห์ได้

5.การทดสอบกรดและด่าง

อีกหนึ่งวิธีตรวจสอบว่าเพชรแท้หรือปลอมที่ได้รับความนิยมเช่นกัน คือ การทดสอบผ่านปฏิกิริยาของกรดและด่าง โดยเพชรแท้นั้นจะไม่ทำปฏิกิริยาใด ๆ ต่อทั้งกรดและด่าง เนื้อเพชรจะยังคงเงางามตามปกติ แต่ถ้าเป็นเพชรปลอมเมื่อถูกสารละลายของทั้งกรดและด่างจะเกิดปฏิกิริยาต่อกัน จนทำให้เกิดการละลาย และทำให้เนื้อเพชรปลอมเกิดความเสียหายได้มากพอสมควร ซึ่งสารละลายบนโลกนี้มีเพียงแค่ชนิดเดียวที่สามารถละลายเนื้อเพชรแท้ได้ นั่นคือโพแทสเซียมไนเตรต

ถ้าคุณสนใจที่จะเลือกซื้อเพชรสีเหลืองหรือเพชรตั้งแต่เกรด G ลงไป ที่จะมีสีเหลืองแตกต่างกัน เช่น เฉดสีเหลืองนวลอ่อนไปจนถึงสีเหลืองเข้มและสีเหลืองสด เพื่อนำไปใส่ภายในเครื่องประดับให้ดูสดใสมากขึ้น แต่ไม่อยากถูกหลอกขายของปลอม คุณควรใช้ทั้ง 5 วิธีนี้ในการช่วยตรวจสอบ เพื่อให้คุณได้เพชรคุณภาพที่ดีที่สุดมาครอบครอง

สีของเพชรในแต่ละเกรด

เพชรสีเหลือง อาจไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แต่ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัด เพชรสีเหลืองเกรดรองลงมาเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ สีของเพชรเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดคุณภาพของเพชร แบ่งเกรดสีตามตัวอักษาภาษาอังกฤษตั้งแต่ D-Z เพชรที่ขาวที่สุดคือเพชรเกรด D’ Color หรือที่คนไทยเรียกว่าเพชรน้ำร้อย จัดอยู่ในกลุ่มของ Colorless

  • Colorless ได้แก่ D (100), E(99), F(98) เพชรที่มีสีเหลืองปะปนน้อยที่สุด มองเห็นได้ยาก
  • Nearly Colorless G (97), H(96), I(95), J(94) เพชรที่มีสีปะปนน้อยสังเกตเห็นได้ไม่ยาก
  • Faint Tint เพชรตั้งแต่เกรด K-M เพชรสีเหลืองอ่อน มองเห็นได้ง่ายและชัดเจน
  • Very Light Tint เพชรตั้งแต่เกรด N-R เพชรโทนสีเหลืองหรือสีน้ำตาลมีมูลค่าต่ำ
  • Light Tint เพชรเกรดต่ำตั้งแต่ S ลงไป เพชรที่มีสีเหลืองหรือสีน้ำตาลจัดเจนไม่แนะนำเพชรกลุ่มนี้

เพชรน้ำ 95 เหลืองระดับไหน

แม้เพชรเกรดสีเหลืองจะไม่ค่อยได้รับความนิยมเล่นกับแสงไฟได้ไม่ค่อยดี ความใสสว่าง ความระยิบระยับเปล่งประกายน้อยกว่าเพชรน้ำร้อยหรือเพชรเกรด D-Color แต่ข้อดีของเพชรสีเหลืองเกรดรองลงมาคือ ราคาถูก แนะนำให้เลือกเพชรที่ไม่ต่ำกว่าเกรด i อย่างไรก็ตาม หลายคนสงสัยว่าเพชรน้ำ 95 มีความเหลืองระดับไหน ถึงแม้ว่าเพชรเกรดนี้จะไม่ได้ขาวใสแต่ก็ไม่ได้เหลืองมาก หากเพชรน้ำ 95 ที่มีไซส์ใหญ่จะเห็นความเหลืองค่อนข้างชัด ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะซื้อเพชรเกรด i แนะนำเพชรไซส์เล็กหรือน้ำหนักไม่เกิน 1 กะรัต

สังเกตสีเพชรด้วยเทคนิคง่ายๆ

คุณสามารถสังเกตสีของเพชรได้ง่ายๆ ด้วยเทคนิคดังต่อไปนี้ เริ่มแรกพับกระดาษสีขางหรือกระดาษ A4 ครึ่งหนึ่ง แล้วนำมาวางทำมุมตั้งฉากกัน จากนั้นนำเพชรมาวางคว่ำชิดกับมุมที่ตั้งฉาก ทีนี้ให้คุณลองสังเกต ก้มมองเพชรทำมุมประมาณ 45 องศาจากแนวระนาบ เพียงเท่านี้คุณจะเห็นสีของเพชรชัดเจนขึ้น

เพชรเกรดดีสวยที่สุดต้องเป็นเพชรน้ำร้อย จริงไหม

อย่าลืมว่าสีของเพชนเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อความสวยงามของเพชร แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย เช่น ตำหนิของเพชร การเจียระไนเพชร เป็นต้น ดังนั้นเพชรที่สวยที่สุดอาจไม่ใช้เพชรน้ำร้อยนั่นเอง จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วยหรือพิจารณาตามหลักของ 4C ที่คิดค้นจากสถาบัน GIA

เทคนิคการเลือกน้ำเพชรให้เข้ากับตัวเรือน

ยกตัวอย่าง กรณีแหวนแต่งงานหรือแหวนหมั้น หากตัวเรือนทำมาจากทองคำขาว หรือ White Gold ทองขาว เงินหรือแพลตตินั่ม แนะนำให้เลือกเพชรเกรดสวย เพชรน้ำร้อยหรือเพชรที่อยู่ในกลุ่ม Colorless ได้แก่ D (100), E(99), F(98) ช่วยให้แหวนเพชรของคุณงดงามสวมใส่แล้วออร่าจับ แต่ถ้าตัวเรือนเป็นทองคำ Yellow Gold หรือ Pink Gold  พิงค์โกล อาจเลือกเพชรเกรดรองลงมา เช่นเพชรน้ำ 95 หรือเพชรเกรด i ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญเรื่องขาวขาวใส อาจไปเน้นที่น้ำหนักหรือขนาดของเพชรแทน

เพชรสีเหลืองแม้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมแต่ราคาถูกกว่าเพชรน้ำร้อย ราคาต่างกันเยอะมากเหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัด การเลือกเพชรสีเหลืองแนะนำให้เลือกเพชรที่ไม่ต่ำกว่ากลุ่ม Nearly Colorless เพราะถ้าเพชรมีสีเหลืองมากไปก็อาจทำให้เครื่องประดับของคุณหมองสวมใส่แล้วออร่าไม่จับได้

22 September 2021 6951
add line petchchompoo