ถ้าคุณต้องการเลือกเกรดเพชรให้เหมาะสมต่องบประมาณและไม่ต้องการถูกหลอกจากร้านเพชร คุณสามารถใช้วิธีการดูเกรดเพชรได้ตามที่กล่าวมาข้างต้น พร้อมการดูสีสันของเพชรแบบครบทุกด้าน เพียงเท่านี้คุณก็จะได้เพชรที่ถูกใจและราคาตรงกับเกรดของเพชรแน่นอน

1.ความสะอาด

ความหมายของความสะอาดเพชร คือ เรื่องของตำหนิ สำหรับในเนื้อเพชรแท้แล้วจะมีตำหนิเป็นจุดสีดำที่กลับกลายเป็นเรื่องดี เพราะจะบ่งบอกได้ว่าเพชรเม็ดนั้น คือ สิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถือว่าเป็นเพชรที่ดีและสามารถการันตีได้ว่าเป็นเพชรแท้ แต่การมองเห็นจะไม่สามารถทำได้ด้วยตาเปล่า จำเป็นจะต้องใช้กล้องขยายสำหรับการดูเพชรโดยเฉพาะ แต่ถ้าตำหนิใหญ่เกินไปจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจะกลายเป็นเพชรที่ไร้ค่าทันที หรือถ้าตำหนิไปอยู่กลางเพชรพอดีก็จะเสียราคาด้วยเช่นกัน ดังนั้นตำหนิของเพชรจึงจำเป็นจะต้องมีรอยขนาดเล็กที่จะต้องเห็นได้ด้วยกล้องขยายเพชรเท่านั้นจึงจะได้ราคาดี

2.สีของเพชร

เกรดเพชรสามารถแบ่งได้ตามสี โดยจะถูกแบ่งเป็นหลายระดับ มีการใช้ทั้งตัวอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลขกำกับสีของเนื้อเพชรว่าจะอยู่ในระดับใด โดยสีขาวสะอาดที่สุดจะเป็นตัว D-100% ส่วนเพชรสีออกเหลืองเข้มจะเป็นตัว S-Z 90% ซึ่งสีเหล่านี้จะถูกแบ่งออกเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมในเครื่องประดับแต่ละแบบ

3.เหลี่ยมของเพชร

ขั้นตอนการเจียระไนจะทำให้เกิดเหลี่ยมเพชร โดยจะมีวิธีเจียระไน 2 รูปแบบที่ได้รับความนิยม คือ การทำเป็นทรง 8 เหลี่ยมที่จะมีลักษณะคล้ายกับรูปกุหลาบหรือที่เรียกว่า Single Cut กับการเจียระไนแบบ 16 เหลี่ยมที่จะมาในรูปแบบของเกสรดอกไม้หรือ Double Cut ซึ่งการเจียระไนแบบ 8 เหลี่ยมจะได้รับความนิยมน้อยกว่า 16 เหลี่ยม ราคาของเพชร 8 เหลี่ยมจึงถูกกว่ามาก ซึ่งแบบ 16 เหลี่ยมจะถูกนำไปเป็นเพชรเม็ดเดี่ยวบนแหวนหรือจี้เพชรเท่านั้น

4.แหล่งให้กำเนิดเพชร

อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่าสำคัญมากสำหรับการคัดเกรดเพชร คือ แหล่งกำเนิด โดยแหล่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและได้การยอมรับจากร้านเพชรทั่วโลกว่าเป็นจุดกำเนิดเพชรที่ดีเยี่ยม คือ เมือง Antwerp ประเทศเบลเยียม ที่สำคัญคือเมืองแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ Diamond Cutting Center ทำหน้าที่ในการเจียระไนเพชรเพื่อส่งต่อไปยังร้านชื่อดังทั่วโลก ดังนั้นเพชรจากเบลเยี่ยมจึงถูกยกย่องว่าสวยที่สุด มีการเจียระไนที่ยอดเยี่ยมที่สุด และราคาแพงมากที่สุดด้วยเช่นกัน

ทำความรู้จักเกรดเพชร

การเลือกซื้อเพชร เพื่อนำมาเป็นหนึ่งในส่วนของเครื่องประดับที่สามารถเพิ่มมูลค่าและเสริมให้บุคลิกดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น จำเป็นที่จะต้องเลือกเกรดเพชรให้ดี โดยเฉพาะในเกรดระดับสูงที่ราคาจะแพงมาก ซึ่งการแบ่งเกรดของเพชรจะคัดจาก 4 คุณสมบัติด้วยกัน (4C) คือ ความสะอาด, สีของเพชร, เหลี่ยมของเพชร และแหล่งให้กำเนิดเพชร โดยมีวิธีการพิจารณา ดังต่อไปนี้

วิธีดูเกรดเพชรจากสีแบบลงลึกรายละเอียด

สำหรับวิธีการแยกเกรดของเพชรผ่านทางสีเพชร คุณสามารถสังเกตได้ ดังต่อไปนี้

1.เพชรที่ออกสีชมพูอ่อน, ชมพูระเรื่อ หรือสีฟ้าอ่อน สีไม่ถึงกับขาวบริสุทธิ์จะถือว่าเป็นเกรดระดับ A ที่มีน้ำงามที่สุด นอกจากนี้ต้องดูที่การเจียระไน ถ้าเป็นแบบ 16 เหลี่ยมหรือ Double Cut ด้วยแล้วราคาจะถูกจัดว่าสูงมาก

2.เพชรในระดับรองลงมาอย่างเกรด B จะออกสีขาว-เหลืองอ่อน โดยจะไม่มีสีชมพูหรือสีฟ้าเจือปนเลยแม้แต่น้อย ตำหนิค่อนข้างน้อย หรืออาจจะมีตำหนิอยู่กลางเม็ดแต่ไม่ถึงกับใหญ่มาก ถ้าต้องการให้ราคาสูงจะต้องเป็นการเจียระไนแบบ Double Cut และต้องมาจากประเทศเบลเยี่ยมเท่านั้น แต่ราคาจะสูงไม่เท่ากับแบบเกรด A

3.สำหรับเพชรในเกรด C จะได้รับความนิยมสูง เพราะราคาไม่แพงมากและสามารถนำมาทำเครื่องประดับต่าง ๆ ได้ดี มีความทนทานพอสมควร แม้ว่าจะมีตำหนิอยู่หลายจุด แต่ก็ไม่ถึงกับเห็นเด่นชัดมาก ส่วนการเจียระไนถ้าต้องการให้ได้ราคาดีควรเป็น Double Cut แต่ส่วนใหญ่แล้วเพชรเกรด C จะถูกเจียระไนได้ไม่ค่อยละเอียด ประกายของเพชรจึงไม่แสดงออกมาแวววาวเท่ากับระดับเกรด A และ B

4.ระดับสุดท้าย คือ เพชรเกรด D ที่รั้งท้ายตาราง เพราะน้ำไม่ค่อยงาม ถูกเรียกว่าเพชรไร้สีเพราะจะเป็นสีขาวสะอาด ไม่มีสีใด ๆ เจือปน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะออกเหลืองเข้มอย่างชัดเจนได้ ทั้งยังมีตำหนิที่เห็นได้เด่นชัด พร้อมการเจียระไนเหลี่ยมที่ไม่มีความสม่ำเสมอกัน จึงทำให้การส่องแสงสว่างไม่แวววาว ส่วนมากแล้วจะใช้ Single Cut ในการเจียระไนเพชรประเภทนี้เป็นหลัก

เพชรเกรด VVS คืออะไร?

เกรด VVS เป็นคำย่อของ Very Very Slightly Included ซึ่งหมายถึงเพชรที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก อาจมีข้อบกพร่องหรือรวมภายในเพชรเล็กน้อย แต่ยากที่จะสังเกตเห็นด้วยตาเปล่า คุณภาพของเพชรเกรดนี้ถือว่าดี และเป็นที่นิยมในการเลือกซื้อ

เพชร VS กับ VVS ต่างกันอย่างไร?

เพชรเกรด VS หรือ Very Slightly Included และเกรด VVS (Very Very Slightly Included) เป็นเกรดที่คล้ายคลึงกัน แต่มีความบริสุทธิ์ที่ต่างกันเล็กน้อย โดยเพชรเกรด VS อาจมีข้อบกพร่องหรือรวมภายในที่สามารถเห็นได้ด้วยแว่นขยาย 10 เท่า ในขณะที่เกรด VVS ยากที่จะเห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นเพชรเกรด VVS มีความบริสุทธิ์สูงกว่า VS

เพชรเกรดไหนดีที่สุด?

เกรด FL (Flawless) และ IF (Internally Flawless) เป็นเกรดที่ดีที่สุดสำหรับเพชร ตัวเพชรในเกรดนี้ไม่มีข้อบกพร่องหรือรวมในตัวเพชร ทำให้มีความบริสุทธิ์สูงสุด

เพชรมีกี่น้ำ?

เพชรมีน้ำต่าง ๆ จำนวนมากในแต่ละชิ้น โดยทั่วไปแบ่งตามความสว่าง ความเนียน และความชัดเจน น้ำที่ดีที่สุดคือน้ำ100 ซึ่งมีความสว่าง ความเนียน และความชัดเจนสูงสุด

เพชร VS1 VS2 ต่างกันยังไง?

เพชรเกรด VS1 และ VS2 มีความต่างอยู่ที่ความชัดเจนของข้อบกพร่องหรือรวมภายในเพชร สำหรับเพชรเกรด VS1 มีข้อบกพร่องหรือรวมภายในเพชรที่เห็นได้ยากกว่าเกรด VS2 เมื่อใช้แว่นขยาย 10 เท่า ดังนั้น ความบริสุทธิ์ของเพชรเกรด VS1 จะสูงกว่าเกรด VS2

เพชรน้ำงามดูยังไง?

การประเมินน้ำของเพชรเกี่ยวข้องกับความสว่าง ความเนียน และความชัดเจนของเพชร สิ่งที่ควรสังเกตเมื่อประเมินน้ำเพชร ได้แก่:

ความสว่าง: เพชรที่มีความสว่างสูงจะสะท้อนแสงได้ดี ทำให้มีประกายและกวาดของแสงสวยงาม

ความเนียน: ดูการกระจายของข้อบกพร่องหรือรวมภายในเพชร หากกระจายเท่ากัน ความเนียนจะดีขึ้น

ความชัดเจน: ความชัดเจนของเพชรนำไปสู่ความใส ทำให้เห็นข้อบกพร่องหรือรวมภายในเพชรยากขึ้น

การตัด: การตัดเพชรที่ดีจะทำให้เพชรสะท้อนแสงได้ดีและมีประกายที่สวยงาม การตัดที่ไม่ดีอาจจะทำให้เพชรดูคลุมเครือและสูญเสียความสว่าง

สี: เพชรแทบไม่มีสีถือว่ามีคุณภาพดี เพชรที่มีสีเล็กน้อยอาจจะส่งผลกระทบต่อความสว่างและความประกาย

น้ำหนัก: น้ำหนักเพชรถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคา เพชรที่มีน้ำหนักมากกว่าจะมีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณควรพิจารณาความสวยงามและคุณภาพของเพชรเป็นหลัก

การประเมินน้ำเพชรควรใช้เครื่องมือเช่นแว่นขยาย และมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเพชร การศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพชรและการประเมินน้ำจะช่วยให้คุณเลือกเพชรที่มีน้ำงามตามความต้องการ

เมื่อคุณศึกษาและรู้จักเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพชร คุณจะสามารถเลือกเพชรที่เหมาะสมและมีคุณภาพตามความต้องการของคุณ การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพชร และการศึกษาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับเพชรและคุณภาพของมันอย่างละเอียด ข้อมูลที่คุณได้รับจากการศึกษาเพิ่มเติมนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อเพชรที่ดีที่สุดสำหรับคุณเอง และสามารถนำไปสู่การลงทุนที่มีค่าและคุ้มค่าในอนาคต.