หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจของการซื้อเพชร คือ การทำใบเซอร์หรือใบรับประกันเพชรแท้ พร้อมระบุรายละเอียดต่าง ๆ ลงไปอย่างชัดเจน เพื่อทำให้การซื้อมั่นใจมากขึ้น พร้อมการทำเป็น Diamond Cut Grade ที่จะมีการบ่งบอกไว้ภายในใบเซอร์ ให้เรียบร้อย ผู้ที่ซื้อเพชรจะสามารถนำไปขายต่อได้อย่างมีราคาและขายได้ในราคาที่เหมาะสม ดังนั้น Diamond Cut Grade จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดสำคัญ ซึ่งถ้าคุณต้องการรู้ว่า Diamond Cut Grade จะมีความสำคัญใดต่อผู้ซื้อเพชรบ้าง ขอแนะนำอ่านรายละเอียดต่อได้ภายในบทความนี้

ทำความรู้จัก Diamond Cut Grade

Diamond Cut Grade คือ การตัดเกรดของเพชรแต่ละเม็ดออกมาแล้วระบุลงในใบเซอร์ เพื่อทำให้ผู้ซื้อได้รู้ถึงรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่งการคัดเกรด คือ การดูจากสัดส่วนความสมมาตร, ประกายของแสง, การเล่นไฟ, ความแวววาวเมื่อกระทบกับแสงไฟ และความเรียบเนียน เกลี้ยงเกลา หรือความ Finishing กับ Polish ที่จะทำให้เพชรมีความสมบูรณ์แบบ ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ในการกำหนดมูลค่าของเพชร พร้อมไปด้วยการพิจารณาเบื้องต้นด้วยเปอร์เซ็นต์ความลึกของเพชรและองศามุมต่าง ๆ ภายในเพชร สำหรับการคัดเกรดที่ถูกต้องนั้น จะมีรายละเอียดที่ถูกระบุมาจากหลักสากล เพื่อนำมาสู่การดูส่วนต่าง ๆ ของเพชรแล้วเกิดการคัดเกรดที่ถูกต้อง พร้อมการใช้กฎระเบียบที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก คือ

1.หน้าเพชร

ส่วนหน้าของเพชรที่จะต้องมีการหารจากความกว้างหน้าเพชร โดยจะหารกับความยาวของส่วนกลางเพชร วัดจากทางด้านซ้ายสุดไปสู่ขวาสุด ถ้าขนาดของเพชรมีความใหญ่จะทำให้แสงไฟวิ่งมุมด้านข้างของเพชรได้ไม่ดีและสะท้อนแสงได้ค่อนข้างน้อยมาก แต่ถ้าแสงเล็กเกินไปจะกลายเป็นแสงไฟถูกขังอยู่ภายใน ทำให้แสงไม่ออกมาด้านหน้า จึงทำให้เพชรหม่นหมอง เปอร์เซ็นต์ของหน้าเพชรที่ดีจึงจะอยู่ช่วงประมาณ 54-60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

2.ความกว้างของเพชร

การวัดความกว้างของเพชรจะวัดตั้งแต่ขอบเพชรด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง โดยสัดส่วนจะพิจารณาจากรูปทรงของเพชรเป็นหลัก ถ้าเกิดความสมส่วนกันดีในทุก ๆ ด้าน จะทำให้มูลค่าของเพชรเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้จะต้องดูตามลักษณะของการเจียระไนเพชรด้วย เพราะค่าความกว้างของเพชรจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละลวดลายของการเจียระไน

3.ความลึกของเพชร

การวัดความลึกหรือความสูงของเพชร เป็นการวัดจากปลายแหลมด้านล่างสุดขึ้นมาสู่ ด้านบนสุดของเพชรและวัดออกมาเป็นค่าเปอร์เซ็นต์หรือค่ามิลลิเมตร ซึ่งเรื่องนี้จะถือว่าเป็นการ Cut Grade ด้วยเช่นกัน เพราะเพชร 2 เม็ดที่มีน้ำหนักกะรัตเท่ากัน แต่ความลึกของเพชรแต่ละเม็ดจะไม่เท่ากัน โดยเฉพาะเพชรแท้จากธรรมชาติที่จะมีทั้งความกว้างและความลึกแตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการสะท้อนแสงพอสมควร

4.รูปทรงเพชร

รูปทรงของเพชรจะแตกต่างกันออกไปตามการเจียระไน โดยรูปทรงเพชรในปัจจุบันจะมีทั้งแบบเพชรกลม เพชรเหลี่ยม   พร้อมการแบ่งออกเป็นเพชรเหลี่ยมผืนผ้าและเพชรเหลี่ยมจัตุรัส นอกจากนี้จะมีเพชรรูปหัวใจ, เพชรทรงวงรี, เพชรแฟนซี  และอีกหลากหลายรูปแบบเพชร ซึ่งจะต้องมีการวัดในเรื่องของเหลี่ยมมุมเพชรว่ามีความสมมาตร และมีมิติของการเล่นแสงไฟมากพอสมควรหรือไม่

5.อัตราส่วนของเหลี่ยมเพชร

อัตราส่วนของเหลี่ยมเพชร มีความสำคัญด้านการตกกระทบของแสงแล้วเกิดการเล่นไฟ โดยจะเป็นการพิจารณาจากทั้งความกว้างและความลึก รวมไปถึงการพิจารณาเรื่ององศาของการเจียระไนเพชร ที่จะทำให้รู้ว่าเพชรเม็ดนั้น ๆ จะสามารถกระทบแสงได้ดีแค่ไหน โดยจะต้องมีความสมดุล ไม่ใช่เพชรที่ถูกทำมาตื้นหรือลึกจนเกินไป อัตราส่วนที่ถือว่าดี คือ อัตราส่วนแบบ Excellent หรือ Triple Excellent ที่คนทั่วไปเรียกว่า 3Ex โดยจะเป็นการวัดอัตราส่วนจากผู้ออกใบเซอร์

ความสำคัญของ Diamond Cut Grade

สำหรับผู้ที่กำลังต้องการซื้อเพชรมาทำเป็นเครื่องประดับ สำหรับการสวมใส่ในงานมงคลงานสำคัญหรือการใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นการเสริมบุคลิกที่สง่างามมากขึ้น เรื่องที่ควรรู้ คือ Diamond Cut Grade ที่ถือว่าเป็นรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ที่จะทำให้เพชรดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น ดังนั้นถ้าต้องการซื้อเพชรควรเลือกร้านที่ออกใบเซอร์ให้คุณได้และมีการระบุรายละเอียดเพชรไว้อย่างชัดเจนที่สุด เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า Diamond Cut Grade ของคุณอยู่ในระดับใด