แม้ว่าการสวมใส่เครื่องประดับ จะทำให้เสริมบุคลิกดูเด่นและให้ความสวยงามมากขึ้น แต่กลับมีเรื่องที่ผู้สวมใส่ควรระวังมากที่สุด คือ อาการแพ้ที่อาจพาให้คุณต้องถึงอันตรายแก่ชีวิตได้ ซึ่งอาการแพ้นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากการแพ้สารประเภทใดประเภทใดภายในเครื่องประดับ จึงทำให้กลายเป็นอาการคัน ผื่นขึ้น และอาจลุกลามจนผิวหนังเสียหาย ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะถ้าคุณมีอาการแพ้แล้ว ยังคงสวมใส่เครื่องประดับนั้น ๆ อยู่ย่อมก่อให้เกิดอาการที่รุนแรงได้มากขึ้น
อาการแพ้เครื่องประดับคืออะไร?
อาการแพ้อาจเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะการแพ้เครื่องประดับ ที่จะนำพาคุณไปสู่อาการทางผิวหนัง ทำให้เกิดตุ่มผื่นคัน ตุ่มใส หรือผิวที่เกิดความรู้สึกแสบร้อน สามารถสังเกตได้แบบง่าย ๆ คือ เมื่อคุณนำเครื่องประดับมาสวมใส่แล้วในระยะเวลาเพียงแค่ 15 นาทีขึ้นไป เริ่มมีอาการคันและมีผื่นขึ้นเป็นวงกว้าง ผิวแดงหรือมีตุ่มใสขึ้นจำนวนมาก นั่นหมายความว่าคุณมีอาการแพ้เครื่องประดับแล้วนั่นเอง ซึ่งเครื่องประดับส่วนใหญ่ที่มักจะสร้างปัญหาของอาการแพ้ คือ
1.แพ้นิกเกิล
นิกเกิลเป็นสารที่ถูกผสม เพื่อทำให้เกิดความแข็งแรงทนทานและให้ความมันวาวเป็นพิเศษต่อเครื่องประดับ นิยมนำมาผสมภายในสร้อยคอ, สร้อยข้อมือ, แหวน, ต่างหู, นาฬิกา หรือแม้แต่หน้าปัดของโทรศัพท์ รวมไปถึงชิปประมวลผลต่าง ๆ เรียกว่ามีส่วนผสมของนิกเกิลอยู่ภายในข้าวของเครื่องใช้บนชีวิตประจำวันของคุณแทบจะทั้งหมด โดยส่วนใหญ่แล้วอาการแพ้นิกเกิลจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และจะพบในผู้หญิงที่เกิดอาการอักเสบรุนแรงได้ถึง 1 ใน 5 ของผู้ที่มีปัญหาแพ้สารนิกเกิล
โดยเมื่อใดที่สัมผัสสารประเภทนี้ จะเกิดการกระตุ้นของระบบภูมิคุ้มกันให้กลายเป็นปฏิกิริยาของอาการแพ้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ส่วนอาการแพ้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทันทีหลังจากการสวมใส่เครื่องประดับที่มีนิกเกิล และจะคงอยู่ยาวนานกว่า 48-72 ชั่วโมงเลยทีเดียว ยิ่งถ้าสภาพแวดล้อมโดยรวม มีปัจจัยของอากาศร้อนและมลภาวะต่าง ๆ รวมไปถึงผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการรักษาสิว อาจจะยิ่งทำให้ผิวเกิดบอบบางผิดปกติ จึงยิ่งแพ้ง่ายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเข้ารับการตรวจสอบอาการแพ้ให้ดี เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงต่อการแพ้นิกเกิล
2.แพ้ทองคำ
แทบไม่น่าเชื่อว่าเครื่องประดับอย่างทองคำ ก็สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นทองคำแท้ 100% หรือ 99.5% ขึ้นไป การเกิดอาการแพ้จะถือว่ามีน้อยมาก แต่ด้วยความที่เครื่องประดับจะต้องมีการทำลวดลายและมีการดัดให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องมีการผสมโลหะ ดังนั้นเครื่องประดับทองจึงเป็นทองคำจริงเพียงแค่ 95-96% และส่วนผสมที่เหลือจะเป็นโลหะประเภทอื่น จึงก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ถ้าส่วนผสมเป็นทองแดงแท้หรือเงินแท้ปัญหาอาจจะน้อยลง
แต่ถ้าเป็นการผสมกับนิกเกิลที่จะให้ความแวววาวต่อเครื่องประดับได้ดี ก็อาจจะพาให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายเช่นเดียวกัน ทางที่ดีที่สุดคือการพบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจน ซึ่งผู้ที่เป็นภูมิแพ้สามารถแพ้เครื่องประดับได้ทุกประเภท การเข้าตรวจสอบจากแผ่นพลาสเตอร์ทดสอบโดยเฉพาะของแพทย์ผิวหนัง จะเป็นตัวช่วยสำคัญทำให้คุณรู้ว่าไม่ควรเข้าใกล้เครื่องประดับประเภทใดบ้าง
วิธีการป้องกันไม่เกิดอาการแพ้เครื่องประดับ
สำหรับผู้ที่เป็นกังวลว่าอาการแพ้เครื่องประดับ อาจจะกำเริบได้เสมอ ขอแนะนำวิธีการป้องกัน การดูแลตัวเอง และการแก้ไขเมื่อเกิดอาการแพ้แล้ว ดังนี้
1.พาตัวคุณเองไปตรวจอาการภูมิแพ้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรหลีกเลี่ยงเครื่องประดับแบบใดบ้าง
2.ถ้ามีปัญหาแพ้นิกเกิล ให้หลีกเลี่ยงเครื่องประดับที่มีส่วนผสมของนิกเกิลไปเลย ดังนั้นจึงควรสอบถามทางร้านก่อนว่าส่วนผสมของเครื่องประดับต่าง ๆ ที่มีขายอยู่ มีส่วนประกอบของนิกเกิลหรือไม่
4.ถ้าต้องการเครื่องประดับที่มีความแวววาวและสวยงามไม่แพ้การผสมสารนิกเกิล ให้เลือกใช้เป็นสแตนเลสที่ปราศจากนิกเกิลร้อยเปอร์เซ็นต์ จะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
5.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระป๋องทุกประเภท เนื่องมาจากกระป๋องที่ใส่อาหารจะมีส่วนผสมของนิกเกิลที่อาจสะสมและทำให้คุณแพ้ได้มากขึ้น
6.เมื่อจำเป็นต้องใช้เหรียญ ควรสวมใส่ถุงมือ
7.ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องและนำครีมที่แพทย์สั่งมาใช้อย่างต่อเนื่อง
8.ถ้าลืมหรือจำเป็นต้องสัมผัสกับสารนิกเกิลอย่างเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้ผ้าเย็นประคบหลังเกิดอาการแพ้ทันที
เมื่อใดที่คุณมีการสัมผัสเครื่องประดับที่ทำให้เกิดอาการแพ้แบบไม่รู้ตัว ไม่ได้ตั้งใจ ควรรีบทาครีมหรือรับประทานยาที่แพทย์สั่งทันที ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ถือว่าดีที่สุด เพราะอาการแพ้เครื่องประดับจะเป็นโรคที่เรื้อรัง รักษาให้หายขาดไม่ได้ จึงต้องมีการพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ