เนื่องจากเพชรมีราคาสูง จึงควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 4cs และปัจจัยอื่น ๆที่มีผลต่อความสวยงามของเพชร เมื่อมีความรู้พอสมควร คราวนี้ก็ได้เวลาตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าเราจะให้ความสำคัญกับปัจจัยใดมากกว่า เช่น อยากได้เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดเท่าที่งบอำนวย ก็อาจดูเพชรสีปานกลาง I-J/VS1-2 หรือในกรณีที่เราต้องการเพชรสีสูงๆ ก็อาจดูเป็นเพชรน้ำ 100-98 (D-F)
เมื่อเราตั้งงบประมาณและมีคุณสมบัติเพชรในใจแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาลองสำรวจตลาดแล้วค่ะ ลองเปรียบเทียบราคาเพชรดูสักสอง สามร้าน เราก็จะพอได้ไอเดียคร่าวๆแล้วค่ะ ว่าราคาเพชรที่เราต้องการประมาณเท่าไหร่ จำไว้ว่าให้เทียบเพชรที่เกรด คุณภาพเดียวกันเสมอนะคะ ไม่ใช่ว่าดูร้านนึงเป็น G/VS1 ถูกกว่าอีกร้านที่เป็น E/VS1 สำหรับเพชรที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ (เช่น 30 ตังขึ้นไป) แนะนำให้ซื้อเพชรที่มีใบเซอร์ ( ใบรับประกัน ) เท่านั้นนะคะ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นเพชรแท้ (ไม่ใช่ เพชรโมอีส หรือคิวบิก) และคุณภาพตรงกับที่ทางร้านกล่าวอ้าง
หลังจากลองสำรวจตลาดดูสักสอง สามร้านแล้ว เราคงจะได้ร้านที่ถูกใจทั้ง ราคา คุณภาพและการบริการ คราวนี้ก็เวลาเลือกซื้อเพชรแล้วค่ะ ซึ่งจะขอไม่กล่าวถึงเรื่อง 4cs แล้วนะคะ แต่คราวนี้มาลองดูปัจจัยอื่น ๆ กันซึ่งข้อที่ควรระวังเวลาเลือกซื้อเพชรนะคะ ให้สังเกตใน certificate ว่าเพชรมีฟลูออเรสเซนรึป่าว ถ้าไม่มี หรือถ้ามีเป็น slight, faint (จางๆ) จะถือว่าดีนะคะ แต่ถ้าเป็น medium หรือ strong อันนี้ไม่ดีค่ะ ประกายเพชรจะหมอง และเพชรดูฝ้า และจุดสังเกตอีกอันที่ควรระวังคือเรื่องความลึกของเพชรนะคะ โดย % ความลึกของเพชร (ความลึกเพชร/เส้นผ่านศูนย์กลางเพชร) ไม่ควรเกิน 63% ค่ะ ไม่งั้นเพชรจะดูหน้าแคบ และเล็กกว่าที่ควรจะเป็น สุดท้ายที่ควรระวัง คือความหนาของขอบเพชร (girdle) ค่ะ ขอบเพชรที่ดีจะอยู่ระหว่าง Thin-Slightly thick (บางถึงหนาเล็กน้อย) ถ้าเป็น medium ก็ดีนะคะ แต่ถ้าเป็น Very thin, thick, very thick อันนี้ไม่ค่อยดีค่ะ ถึงขั้นตอนนี้ เราคงเหลือเพชรให้พิจารณาอีกไม่กี่เม็ดแล้วค่ะ :)
— ที่Petchchompoo Jewelry
ขั้นตอนสุดท้าย ลองตรวจสอบเพชรแต่ละเม็ดอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าเพชรมียิงเลเซอร์เบอร์ certificate ที่ขอบ ลองดูว่าหมายเลขตรงกันรึป่าว หรือถ้าเป็นเพชรที่อยู่ในซีลที่ยังไม่แกะก็ดีค่ะ ลองใช้ loupe ( แว่นขยาย ) ส่องดูเพชรอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีตำหนิที่มีสี ที่เห็นได้ง่ายรึป่าว ถ้าเราสามารถเห็นตำหนิได้ง่ายๆ แสดงว่าเพชรเม็ดนั้นเกรดต่ำกว่า VS2 เป็น SI แล้วค่ะ ถ้าเราหาแล้วหาอีกไม่เจออาจเป็น VVS หรือ VS ก็ได้นะคะ ถ้าในใบเซอร์มีการพล็อตตำแหน่งตำหนิ ให้เลือกเม็ดที่มีตำหนิอยู่ที่ขอบๆหรือด้านหลังจะดีกว่าเพชรที่มีตำหนิกลางหน้าค่ะ
สำหรับกรณีที่เพชรเม็ดนั้นเป็น Heart & Arrow วิธีตรวจสอบให้สังเกตว่าเห็นลูกศรชัดเจนทั้ง 8 ดอกและมีขนาดเท่ากัน เมื่อมองจากด้านหน้าเพชร และเมื่อมองจากด้านหลังเพชร เป็นรูปหัวใจชัดเจนแปดดวง และมีขนาดเท่ากันค่ะ
หลังจากเลือกเพชรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาเลือกตัวเรือนแล้วค่ะ ว่าจะใช้เป็น white gold, pink gold หรือถ้างบประมาณอำนวยก็อาจเลือกเป็น platinum (ราคาจะแพงกว่าทอง 2-3 เท่าค่ะ แต่สีเงินตามธรรมชาติและไม่ดำ ข้อควรระวังสำหรับ platinum คือไม่สามารถแก้ขนาดขึ้นลงได้มากนักในภายหลัง ถ้าเราเป็นคนที่น้ำหนักเปลี่ยนแปลงขึ้นลงมาก ๆ ไม่แนะนำค่ะ) เมื่อได้แบบที่ถูกใจ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองสวมด้วยนะคะ เพราะบางครั้งแหวนดูสวย แต่พอใส่แล้วไม่เหมาะกับนิ้วเราก็มีค่ะ
ปัจจัยอื่น ๆที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อเลือกซื้อแหวนเพชร เราควรสอบถามเรื่องนโยบายการขายคืน หรือการแลกซื้อวงใหม่ด้วยค่ะ บางครั้งเราอาจคิดว่าไม่สำคัญ แหวนแต่งงานเรา เราไม่ขายอยู่แล้ว แต่อนาคตไม่แน่นอนนะคะ เราอาจร้อนเงินภายหลังก็ได้ ถ้าไม่สอบถามหรือตกลงกันให้เรียบร้อย ภายหลังเราต้องการนำมาขายคืนเกิดทางร้านไม่รับซื้อ เสียความรู้สึกแย่เลยค่ะ ควรตกลงกันให้เรียบร้อย ถ้าจะให้ดีเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรยิ่งดีเลยค่ะ อีกเรื่องคือการบำรุงรักษาค่ะ สอบถาม ตกลงกันให้เรียบร้อยว่า ถ้านำมาขัดชุบมีบริการให้ฟรีรึป่าว หรือเสียค่าบริการยังไง ซึ่งอาจจะมีบางร้านคิดค่าขัดชุบแหวนตั้ง หนึ่งพันบาท แพงมาก ๆเลยนะคะ บางคนไม่ทราบคิดว่าราคานี้เป็นราคาปกติ จริง ๆแล้วค่าขัดชุบสำหรับเครื่องประดับชิ้นเล็ก อย่าง แหวน จี้ ไม่น่าเกิน 300-400 ค่ะ ถ้าเป็นเครื่องประดับชิ้นใหญ่อย่าง สร้อยคอ เป็นไปได้ครับว่าอาจถึงหลักพันก็เป็นไปได้ค่ะ
สำหรับแหวนหมั้น โดยมากตามบ่าวสาว มักกันงบประมาณ 2-3 เท่าของเงินเดือนค่ะ เช่นเงินเดือน 30000 บาท ก็อาจกันงบสำหรับแหวน 60000-90000 บาทค่ะ
สาขา 1 เยาวราช
สาขา 2 ท่าพระ (เพชรเกษม 24)
สาขา 3 สมุทรปราการ
สาขา 4 Central Plaza อุดรธานี
โทรศัพท์ : 02-2265555
มือถือ : 085-0990655
เว็บไซต์: http://www.petchchompoo.com/
เวลาให้บริการ (Business hour)
สาขา 1 เยาวราช กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด เวลา 10.00 -18.30 น.
สาขา 2 ท่าพระ (เพชรเกษม 24) กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุด เวลา 10.00 -18.30 น.
สาขา 3 สมุทรปราการ เปิดทุกวัน ยกเว้น วันเสาร์ เวลา 10.00 -18.30 น.
สาขา 4 Central Plaza อุดรธานี